เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบคำถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactusโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
เนื้องอกในสมอง รักษาได้ไหม?
เนื้องอกในสมอง โรคทางระบบประสาท
เริ่มต้น…แค่ฟังชื่อโรค ผมเชื่อว่า คงไม่มีใครอยากให้ตัวเอง ญาติ เพื่อน หรือ คนรู้จัก ต้องมีเนื้องอกเกิดขึ้นโดยเฉพาะในสมอง เพราะทุกคนทราบดีว่า สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย เป็นเครื่องส่งสัญญาณให้ชีวิตสามารถดำเนินต่อไปได้ สมองทำให้เรามีความรู้สึก คิดได้ จำได้ และก็รักได้ เราจึงไม่อยากให้เกิดอะไรผิดปกติกับสมองของเราแม้เพียงนิดเดียว ดังนั้น ทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้นกับสมองเรา ความกังวล สงสัย ตกใจ มักจะถาโถมเข้ามา รวมถึงความคิดที่ว่าหากสมองเกิดเป็นอะไรหนักขึ้นมา ชีวิตจะเป็นยังไงต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าความรู้สึกด้านลบพวกนี้ มักจะส่งออกมาให้ผมสัมผัสได้ จากการพูดคุยกับคนไข้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกในสมอง
ในฐานะของหมอศัลยกรรมประสาท ที่เจอคนไข้ที่มาด้วยโรคเนื้องอกในสมองเป็นประจำ ผมคิดว่าการรักษาโรคเนื้องอกในสมองนั้นต้องเริ่มการรักษาจากอาการหลักที่มีของคนไข้ ณ ตอนนี้ก่อน นั่นคือ ความกังวลต่อโรคเนื้องอกในสมองที่ดูน่ากลัว ความสงสัยว่ามันมาจากไหน รักษาได้ไหมแล้วจะเสียชีวิตเหมือนในหนังหรือละครรึเปล่า ดังนั้นหากเป็นตัวคุณเอง หรือ ญาติพี่น้อง มีเนื้องอกในสมอง แล้วอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ผมอยากให้คุณหายใจเข้าออกช้าๆ ทำใจให้สบาย ดึงสติกลับมาก่อน เพราะมันคือ จุดเริ่มต้นที่สำคัญของการที่เราจะเริ่มรักษาโรคเรื้องอกในสมองกัน แล้วเดี๋ยวผมจะเฉลยตอนจบว่ามันสำคัญยังไงครับ
เนื้องอกในสมอง มีกี่ชนิด?
เวลาพูดถึงเนื้องอกในสมอง ผมจะบอกคนไข้เสมอว่า มันมี 2 แบบ คือ แบบดี กับ แบบไม่ดี ต่างกันที่แบบดีนั้นคือเนื้องอกที่โตช้า ส่วนใหญ่ใช้เวลาหลายปีในการที่ขนาดของเนื้องอกจะใหญ่ขึ้น ส่วนแบบไม่ดีหรือแบบร้ายนั้น คือ เนื้องอกที่โตเร็ว ซึ่งอาจใช้เวลาแค่ 3-4 สัปดาห์ ก็มีขนาดเท่าตัวได้ ซึ่งพวกแบบไม่ดีนี้แหละ ที่เรามักจะเรียกมันว่า"มะเร็ง" ดังนั้น ถ้าถามว่าเนื้องอกในสมองที่ได้รับการวินิฉัยว่าเป็นนั้น เป็นแบบไหนกันแน่ ซึ่งถ้าคุณไม่มีประวัติว่าเป็นมะเร็งในร่างกาย ในทางสถิติแสดงให้เห็นว่าอย่าพึ่งกังวลมากครับ เพราะ 70% ของเนื้องอกในสมองนั้น เป็นเนื้องอกแบบดี ไม่ใช่เนื้อมะเร็งร้ายที่ต้องเสียชีวิตไวแบบในหนัง หลังจากที่พอจะทราบกันแล้วว่าเป็นเนื้องอกในสมองแบบไหน หน้าที่ต่อไปของหมอ คือ ต้องพยายามระบุชนิดของมันให้ได้ ซึ่งในปัจจุบัน เนื้องอกในสมองนั้นแบ่งย่อยออกได้เป็น เกือบ 130 ชนิด โดยในการระบุชนิดนั้น ผมขอแบ่งออกเป็น 2 แบบ ง่ายๆ คือ เนื้องอกที่กำเนิดมาจากเซลล์สมองเอง และ เนื้องอกที่ไม่ได้มาจากเซลล์สมอง นั่นคือพวกที่มากจากอวัยวะรอบๆ สมอง เช่น เยื่อหุ้มสมอง กระโหลก หรือ ปลอกหุ้มเส้นประสาท หรือ เป็นเนื้อร้ายที่กระจายมาจากส่วนอื่น แล้วมากดเบียดเนื้อสมอง ความต่างของชนิดเนื้องอกนี้เองที่ทำให้แผนการรักษา และการพยากรณ์โรค (แนวโน้มของโรคว่าจะเป็นยังไงในอนาคต) นั้นต่างกัน แต่การที่จะยืนยันชนิดของเนื้องอกในสมองแบบ 100% ได้นั้น คือ ต้องตรวจชิ้นเนื้อครับ ดังนั้นเวลาที่คุณหมอให้ความเห็นก่อนที่จะได้ผลชิ้นเนื้อ นั่นคือความน่าจะเป็นมากที่สุดจากประวัติและภาพเอกซเรย์ว่าเนื้องอกของคุณน่าจะเป็นแบบไหน
อีกอย่างที่พิเศษสำหรับเนื้องอกในสมอง ที่ไม่เหมือนในเนื้องอกชนิดอื่นคือ เราจะไม่มีการแบ่งระยะ (Stage) ของเนื้องอกนะครับ ว่าอยู่ระยะไหนแล้ว แต่จะใช้การแบ่งเกรดของเนื้องอกโดย WHO classification แทน โดยเราจะใช้ว่า เป็น WHO grade ไหนตั้งแต่ 1-4 โดยที่เกรด 1 คือ พวกเนื้อดี เติบโตช้า ไล่ไปจนถึงเกรด4 คือ พวกเนื้อร้าย เติบโตไว
เนื้องอกในสมอง รักษาได้ไหม?
คำตอบคือ เนื้องอกในสมองรักษาได้ครับ…แต่ว่าผลการรักษานั้นจะขึ้นกับชนิด ขนาด และตำแหน่งของเนื้องอกในสมองโดยผมขอแบ่งวิธีรักษาออกเป็น 3 วิธี แบบนี้นะครับ
แบบแรก คือ แบบที่คนไข้เกือบทุกคนอยากได้รับฟังจากแพทย์ นั้นคือสามารถใช้การเฝ้าติดตามเพื่อดูขนาดและพฤติกรรมของเนื้องอกในสมองอย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่คนไข้ในกลุ่มนี้จะไม่มีอาการผิดปกติ และมักจะเจอเนื้องอกในสมองโดยบังเอิญ จากการตรวจด้วย CT หรือ MRI เนื้องอกในสมองพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่มานานและอยู่แบบเป็นมิตรกับสมองเรา ในเมื่อเขาอยู่โดยไม่ได้รบกวนเรา เราก็ไม่ควรไปรบกวนเขาเช่นกันครับ ต่างคนต่างอยู่แบบเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้แต่ต้องไม่ประมาท
ส่วนอีก 2 วิธีการรักษาที่เหลือ แน่นอนว่าต้องใช้เมื่อเนื้องอกในสมองทำให้มีอาการผิดปกติ หรือ เป็นเนื้อดีในกลุ่มที่ผ่านการเฝ้าดูแล้ว แต่มีขนาดใหญ่ขึ้น คล้ายๆ กับว่าถึงเวลาที่เราต้องสู้กับเนื้องอกละ
โดยวิธีที่ 2 ก็คือ การรักษาโดยการผ่าตัดนั่นเอง แน่นอนว่าการผ่าตัดสมองนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องที่ฟังดูน่ากลัว กลัวจะไม่ตื่น กลัวจะพิการ กลัวจะเสียชีวิต ทำให้การผ่าตัดนี้จำเป็นต้องใช้ความชำนาญของประสาทศัลยแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยครับ
โดยพื้นฐานแล้วหลักสูตรที่กว่าจะจบเป็นหมอเฉพาะทางด้านการผ่าตัดสมองได้ในประเทศไทยนั้นใช้เวลาในการเรียนต่อถึง 5 ปี (หลังจากจบแพทย์ 6 ปี และ ไม่รวมช่วงเวลาของการใช้ทุน) ซึ่งกว่าจะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางนี้จริงๆ ในประเทศไทยนั้นต้องผ่านด่านการฝึกฝนมาพอสมควรเพื่อที่จะทำการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคเนื้องอกในสมองได้อย่างปลอดภัย นอกจากทักษะส่วนตัวของหมอผ่าตัดแต่ละท่านแล้ว ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลการรักษาออกมาดี เทคโนโลยีทำให้มีการพัฒนาเครื่องมือผ่าตัดสมองขึ้นมากมาย ทำให้การผ่าตัดสมองมีความแม่นยำ ปลอดภัย ลดโอกาสการเสียชีวิตและพิการ ผมมักจะคิดว่าการผ่าตัดเปรียบเทียบได้กับการออกรบ จุดมุ่งหมายคือต้องชนะเท่านั้น ดังนั้น ทักษะที่ดี การวางแผนรบที่เฉียบขาด พร้อมอาวุธครบมือ (อุปกรณ์ผ่าตัด) คือกุญแจสำคัญที่ทำให้การรบครั้งนี้สำเร็จบรรลุตามจุดมุ่งหมาย
เครื่องนำวิถี (Navigator) ช่วยกำหนดเป้าในการผ่าตัดรักษาโรคในสมอง
ที่มา : ขอบคุณภาพจาก นพ. นภสินธุ์ เถกิงเดช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมสมอง
ส่วนวิธีสุดท้ายในการรักษาเนื้องอกในสมอง คือ การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด ประกอบด้วย
โดยวิธีการรักษานี้ เรามักจะใช้เป็นวิธีทางเลือก หรือ ควบคู่ไปกับการผ่าตัด มากกว่าที่จะใช้เป็นวิธีหลักในการรักษาเนื้องอกในสมองครับ
หลังจากที่ทราบว่ารักษาเนื้องอกในสมองได้ ตรงนี้ผมคิดว่าหลายคนคงยังสงสัยว่าที่ว่ารักษาได้ ผลการรักษามันเป็นยังไงหายขาดไหม อย่างที่ผมเคยเล่าไว้แล้วนะครับว่าผลการรักษาขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง แต่จากหลายๆ การศึกษานั้นแสดงให้เห็นว่า มีเนื้องอกในสมองหลายชนิดที่สามารถหายได้ โดยที่โอกาสกลับมาเป็นซ้ำนั้นต่ำมากครับ ตรงนี้อยากให้ทุกท่านสบายใจและเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาเนื้องอกในสมองในทุกขั้นตอนนะครับ
อะไรทำให้เกิดเนื้องอกในสมองนะ?
แล้วก็มาถึงคำถามสุดท้ายที่ผู้ป่วยอยากรู้ แต่มักไม่ได้คำตอบนั้นคือ ทำไมถึงเป็นโรคเนื้องอกในสมอง โรคเนื้องอกในสมองมีสาเหตุมาจากอะไร อะไรทำให้เนื้องอกในสมองโตขึ้น ซึ่งคำตอบที่น่าจะพอเดาได้คือ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เป็นกรรมพันธุ์ มันอาจส่งมาทางพันธุกรรมก็ได้ หรือมีประวัติว่าเคยโดนรังสี เคยติดเชื้อ อุบัติเหตุ…. ใช่ครับ คำตอบเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ เมื่อมีความรู้ทางด้าน epigenetic มากขึ้น (epigenetic แปลง่ายๆ คือ กลไกที่เกิดขึ้นก่อนระดับพันธุกรรม ที่มีผลต่อยีนเราได้) เราพบว่า มีปัจจัยทางด้าน epigenetic หลายอย่างที่อาจส่งผลทำให้เกิดเนื้องอกในสมองได้ โดยสาเหตุที่สำคัญ คือ ไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะกับ การจัดการความเครียดเรื้อรัง เราทราบว่าความเครียดสามารถส่งสัญญาณให้ เกิดการหลั่งของ ฮอร์โมนความเครียด มีผลให้ยีนทำงานผิดไปจากเดิม ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิดปกติ และลดการกำจัดเซลล์ผิดปกติ ซึ่งสุดท้ายมีผลต่อการเจริญเติบโตของเนื้องอกในสมองได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ผมจึงแนะนำว่า การรักษาเนื้องอกในสมอง ต้องเริ่มจากใจก่อน พยายามดึงสติไว้ อย่าปล่อยให้เครียดเกินการควบคุม เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายเตรียมพร้อมต่อสู้กับโรคเนื้องอกในสมอง
สรุปสั้นๆ ว่า
เนื้องอกในสมองนั้นสามารถรักษาได้ แต่ผลของการรักษาเนื้องอกในสมองนั้นอาจจะมีความต่างกันแล้วแต่ชนิด ตำแหน่ง และขนาด ของเนื้องอก นอกจากนี้ประเด็นสำคัญที่ควรต้องทราบหลังจากได้รับการวินิจฉัยโรคเนื้องอกในสมองนะครับ คือ
และที่สำคัญที่สุด คือ ต้องอย่าลืมดูแลใจให้เข้มแข็งไว้ตลอดนะครับ เมื่อเรามีสติจะทำให้เรารู้จัก เข้าใจ บางสิ่งบางอย่างได้ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้นครับ
การรักษาเนื้องอกในสมอง ต้องเริ่มจากใจก่อน อย่าปล่อยให้เครียดเกินการควบคุม เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายเตรียมพร้อมต่อสู้กับโรคเนื้องอกในสมอง
นัดพบแพทย์คลิก